สลัดผลไม้

สลัดผลไม้เป็นของหวานรสเลิศที่คุณสามารถทำได้ภายในไม่เกิน 10 นาที แถมคุณยังสามารถทานสลัดผลไม้ได้อย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ต้องกลัวอ้วนอีกด้วย นอกจากนี้ คุณสามารถทานสลัดผลไม้เป็นอาหารเช้า เป็นอาหารเคียงเมื่อไปปิคนิคหรือปาร์ตี้ยามกลางวัน หรือเป็นอาหารว่างเวลาใดก็ได้ของวัน ถ้าคุณอยากรู้วิธีทำสลัดผลไม้หลากหลายรูปแบบ ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ดู

ส่วนผสม

สลัดผลไม้แบบดั้งเดิม
สตอเบอร์รี่ 1 ถ้วย (140 กรัม)
เชอร์รี่ 1 ถ้วย (140 กรัม)
บลูเบอร์รี่ 1/2 ถ้วย (70 กรัม)
แอปเปิ้งแดง 1/2 ลูก
พีช 1/2 ลูก
กีวี่ 1 ลูก
น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.)

*คุณสามารถเปลี่ยนเป็นผลไม้อะไรก็ได้ที่คุณมี*

 

วิธีทำ

1.เลือกผลไม้. เลือกผลไม้สดจากตลาดหรือซูเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านคุณ ดูดีๆ ว่าผลไม้ทั้งหมดสุกดีพร้อมนำมาทำเป็นสลัดผลไม้ หากผลไม้ยังไม่สุกพอ สลัดผลไม้ที่ทำออกมาก็จะแข็งและเคี้ยวยาก เลือกผลไม้ที่สุกเกินนิดหน่อยจะดีกว่าเลือกผลไม้ที่ยังไม่สุก เพื่อรสชาติที่เข้ากันกลมกล่อม สำหรับสลัดผลไม้แบบดั้งเดิมนี้ คุณจะต้องใช้สตอเบอร์รี่ เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แอปเปิ้ลแดง พีช และกีวี่
2.ล้างผลไม้ให้สะอาด. ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ล้างผลไม้ทั้งหมดให้สะอาดก่อนหั่น
3.หั่นครึ่งเชอร์รี่. ถ้าคุณอยากให้สลัดของคุณทานง่าย ไม่ต้องเจอเมล็ดเชอร์รี่ระหว่างทาน คุณก็ควรหั่นครึ่งเชอร์รี่ 1 ถ้วยก่อนที่จะผสมเป็นสลัด แค่หั่นเชอร์รี่ตรงกึ่งกลางลูกแล้วเอาเมล็ดออกเท่านั้นเอง
4.หั่นสตอเบอร์รี่. แอปเปิ้ลแดง พีช และกีวี่เป็นชิ้นพอดีคำ วางสตอเบอร์รี่ 1 ถ้วย (140 กรัม) เชอร์รี่ 1 ถ้วย (140 กรัม) แอปเปิ้ลแดง 1/2 ลูก พีช 1/2 ลูก และกีวี่ 1 ลูกบนเขียง จากนั้นหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ ขนาดพอดีคำ กะขนาดประมาณ 1 นิ้ว (2.5 ซม.)
5.ใส่ผลไม้ทั้งหมดลงในชามสลัด. จากนั้นใส่น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.) น้ำเลมอนจะช่วยให้รสหวานของผลไม้ชัดเจนขึ้น และช่วยไม่ให้ผลไม้เป็นสีน้ำตาลจากการสัมผัสอากาศ จากนั้นใส่สตอเบอร์รี่ เชอร์รี่ที่หั่นแล้ว แอปเปิ้ลแดง 1/2 ลูก พีช 1/2 ลูก กีวี่ 1 ลูก และบลูเบอร์รี่ 1/2 ถ้วย (70 กรัม) ลงไปในชาม คลุกเคล้าผลไม้ทั้งหมดเบาๆ เพื่อให้รสชาติเข้ากันดี
6.พร้อมเสิร์ฟ. คุณสามารถทานสลัดผลไม้ได้ทั้งแบบแช่เย็นและไม่แช่เย็น ทานคู่กับน้ำส้มซักแก้วเพื่อช่วยให้รสชาติผลไม้เข้มข้นยิ่งขึ้น

 
วิดีโอประกอบ
 
 
ย้อนกลับ หน้าถัดไป
 

 
 
"Cookery is not chemistry. It is an art. It requires instinct and taste rather than exact measurements."
การทำอาหารไม่ใช่วิชาเคมี แต่มันคือวิชาศิลปะ มันต้องใช้สัญชาตญานและการลองลิ้มชิมรส ไม่ใช่เพียงแค่การตวงวัดส่วนผสมเท่านั้น